ค้นหาบทความ :


สถานที่ท่องเที่ยว /[วัดภูพร้าว] แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานี


share : Exclusive Exclusive Exclusive
ผู้เขียน : YodaTheKids
16 ครั้ง
Created : 24-11-2020
วัดภูพร้าว แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานี เป็นสถานที่ที่มีความอัศจรรย์มากมาย อยากไปใช่ไหมละ

[วัดภูพร้าว] แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานี



วัดภูพร้าว แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานี

มีใครชอบเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี บ้าง? เชื่อว่าต้องมีสักคนที่ชอบไปเที่ยวจังหวัดน่าท่องเที่ยวอย่างอุบลราชธานีแน่นอน เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือวัดภูพร้าว วัดที่แสนมหัศจรรย์แห่งนี้ เพราะมีภาพที่เรืองแสงได้ด้วย! อ่านไม่ผิดหรอก ที่วัดภูพร้าวแห่งนี้มีภาพเรืองแสงจริงๆ เกิดขึ้นจากฝีมือนายช่างคนนึงที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา แล้วบรรจงสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างภาพเรืองแสงดึงดูดคนให้เข้าวัด และ กลายเป็น unseen ของเมืองไทยไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจะพาสายบุญไปสักการะวัดที่แสนสวยงามอย่าง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือวัดภูพร้าว หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า วัดเรืองแสง จะงดงามขนาดไหน ตามเรามาดูได้เลย สำหรับผู้ที่กำลังจะวางแผนเดินทางไปที่อุบลราชธานีและกำลังมองหารถเช่าอุบลราชธานีราคาถูก สามารถจองรถเช่าออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กับ ECOCAR rent-a-car ได้ที่นี่ในตอนนี้และทันทีเลยนะ รถเช่าอุบลราชธานีราคาถูก


อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ 

ออกทริปท่องเที่ยวอุบล ไปพร้อมกับเช่ารถพร้อมคนขับ มีกำหนดการของทริปตามแผนไว้แล้ว น่าสนใจมากๆ

ออกทริปท่องเที่ยวอุบล ไปพร้อมกับเช่ารถพร้อมคนขับ


วัดภูพร้าว

ประวัติ วัดภูพร้าว

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือ วัดภูพร้าว อีกชื่อหนึ่งที่นิยมเรียกกันก็คือ วัดเรืองแสง วัดนี้จะตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สภาพรอบวัด เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บนยอดเขาเราจะสามารถมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นงดงามอยู่ ด้านหลังของอุโบสถจะเป็นงานจิตรกรรมเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ อยู่ด้านหลังของอุโบสถในเวลากลางคืน สวยงามมากจริงๆ ซึ่งบางเวลาถ้าไปแล้วโชคดีได้เจอกับดาวเรืองแสงรอบๆอุโบสถ และขอแนะนำให้ไปในคืนเดือนมืด เพราะถ้ายิ่งมืดเราก็จะสามารถเห็นการเรืองแสงของต้นกัลปพฤกษ์และดวงดาวได้ชัดเจนมากขึ้น

ภาพเรืองแสงนี้ถ้าเรามองด้วยตาเปล่า อาจจะรู้สึกเพียงเล็กน้อย จะไม่ค่อยเห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการเก็บภาพความสวยงามไว้แค่สายตา อาจจะต้องเผื่อใจนิดนึง
และนอกจากความมหัศจรรย์ของพระอุโบสถแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอีกด้วยค่ะ ซึ่งเป็นวิวของแม่น้ำโขง และบริเวณด้านหลังพระ
อุโบสถจะเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาว และมองเห็นด่านสากลช่องเม็กได้อย่างสวยงาม จริงๆ รวมถึงอ่างเก็บน้ำที่อยู่บริเวณเชิงเขา ที่มีลักษณะคล้ายกับทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงที่พระอาทิตย์ตกดิน เราจะเริ่มเห็นพระอาทิตย์ดวงโต ซึ่งต้องบอกว่าเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมาก


สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ซึ่งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองเลยทีเดียว ซึ่งตัวท่านได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตในภาพยนตร์เรื่องอวตาร โดยใช้สารเรืองแสง หรือ สารฟลูออเรสเซนต์รอบๆต้น ซึ่งคุณสมบัติของสารฟลูออเรสเซนต์จะรับแสงพระอาทิตย์ในตอนกลางวัน และพอดีกับที่งานชิ้นนี้ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หรือหันข้างไปทางทิศตะวันตก ก็เลยคล้ายกับเป็นฉากกั้นพลังงานในช่วงเวลาตอนกลางวัน แล้วสามารถฉายแสงออกมาในตอนกลางคืน เป็นการคายพลังงานออกมา นี่คือหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆที่ทำให้เกิดความมหัศจรรย์แบบนี้

ส่วนตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว แต่มีความกว้างมากกว่า 1 เท่า และความยาวมากกว่า 2 เท่า เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมืออย่างปราณีต โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า หัวใจหลักของการทำพุทธศิลป์คือ การนำเสนองานศิลปะที่เกิดจากความสงบ ความเพียร ความอดทน และวิสัยทัศน์ ซึ่งงานแต่ละชิ้นต้องคิดจากความคิดอันวิจิตรจริงๆ 

อย่างแนวคิดการจำลองให้วัดเป็นเขาพระสุเมรุ ตรงกลางของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของพระประธาน แต่เดิมที่คล้ายกับพระพุทธชินราช ในจังหวัดพิษณุโลก แต่มีการนำเพียงส่วนรัศมีออกไป เพื่อให้แลดูกลมกลืนกันยิ่งขึ้น พร้อมกับได้ทำฉากหลังเป็นต้นโพธิ์ โดยเบื้องบนติดด้วยแผ่นพระทอง
วัดแห่งนี้ท่านพระอาจารย์บุญมากเป็นผู้ริเริ่ม ท่านเป็นคนฝั่งลาวจำปาสัก ได้เข้ามาเผยแพร่อบรมสมาธิทางฝั่งไทย และได้ปักกลดที่ภูพร้าวในปี 2497-2498 ซึ่งท่านได้กลับไปยังประเทศลาว จนกระทั่งปี 2542 พระครูกมล ลูกศิษย์ของท่านได้ค้นพบวัดอีกครั้งและบูรณะให้กลับมาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้อย่างเดิม หลังจากพระครูกมลละสังขารไปในปี 2549 พระครูปัญญาก็เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดและสานต่องานสร้างวัดต่อไปจนถึงปัจจุบัน
มีข้อแนะนำว่า ถ้าต้องการเก็บภาพความสวยงามของวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว แนะนำให้นำกล้องถ่ายรูปไปด้วย เพราะถ้าถ่ายภาพจากโทรศัพท์จะได้ภาพเรืองแสงยากกว่า แต่ขอบอกเลยว่าการไปดูด้วยตาสวยงามกว่าภาพถ่ายหลายเท่าจริงๆ หากใครมีโอกาสได้ไปจังหวัดอุบลราชธานี อย่าลืมไปชมความสวยงามของวัดแห่งนี้นะ

วัดภูพร้าว

การเดินทางไปยังวัดภูพร้าว

ตัววัดจะอยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีราว 70 กิโลเมตร หากเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ตัวจังหวัด ให้ตรงไปยังเส้นทางไป อำเภอพิบูลมังสาหาร เมื่อถึงอำเภอพิบูลมังสาหารแล้วจะมีสามแยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอสิรินธร ขับตรงไปยังเส้นนั้นซึ่งสามารถไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพัทยาน้อย ทะเลน้ำจืดคนอุบล หรือเขื่อนสิรินธร ซึ่งอยู่ระหว่างทางได้ และวัดจะอยู่ก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็กประมาณ 3 กม. ทางซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดที่ถนนใหญ่ โดยเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 2 กม.

เป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของวัดภูพร้าว แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอุบลราชธานี น่าสนใจเลยใช่ไหมละ และสำหรับใครก็ตามที่อยากจะเช่ารถขับไปเที่ยววัดภูพร้าว ขอให้คิดถึง เช่ารถขับเอง กับ ECOCAR RENT-A-CAR ไว้ในใจเลยนะ บริษัทเช่ารถนี้จดทะเบียนธุรกิจกับกรมการค้าแล้ว มากด้วยประสบการณ์ในการให้บริการเช่ารถมามากกว่า 8 ปี มีรถยนต์หลายร้อยคัน ทุกคันมีคุณภาพดี อายุใช้งานไม่ถึง 5 ปี มากด้วยบริการที่หลากหลาย ทั้งเช่ารถขับเอง-เช่ารถพร้อมคนขับ-เช่ารถระหว่างซ่อม-เช่ารถหรู-เช่ารถตู้-เช่ารถกระบะ-เช่ารถมอไซต์-เช่ารถรายวัน-เช่ารถรายเดือน ทุกคันมีน้ำมันเติมให้เต็มถัง พร้อมกับประภัยชั้นหนึ่งให้ด้วย มีแม่แรงและยางอะไหล่ไว้เปลี่ยนให้ ที่สำคัญคือรถทุกคันขับขี่ไปได้ทั่วไทย ไม่จำกัดระยะทางด้วยนะ

และสำหรับใครที่ไปเที่ยววัดภูพร้าวแล้วยังไม่เที่ยวอุบลราชธานีอย่างจุใจ ขอให้อ่านบทความ เช่ารถอุบล ขับไปเที่ยว 6 ที่เที่ยวอุบลราชธานี เอาไว้เลย มีที่เที่ยวอื่นๆในอุบลด้วยนะ


บทความที่น่าสนใจ

เช่ารถขับเอง เที่ยวหน้าฝน [5 สถานที่ที่แนะนำอยากให้ไปช่วงฤดูฝน]

เช่ารถกรุงเทพ เที่ยวปราจีนบุรี





สาขาของเรา